E-Journal

Date : August 29, 2013
Time : 00:21 AM


สิ่งที่ได้เรียนรู้ (ครั้งที่ 7)
อา. 25 ส.ค. 56 


ความรู้ที่ได้รับจากคำแนะนำของผู้สอน

- ข้อได้เปรียบของการส่งงานผ่านทาง Facebook แทนการส่งงานใน MaxLearn คือ การส่งไฟล์งานง่ายและรวดเร็ว สามารถเข้าถึงข้อมูลที่ได้รับอย่างรวดเร็ว เนื่องจากมี application บนโทรศัพท์มือถือ ที่แจ้งเตือน
- ข้อได้เปรียบของการส่งงานใน MaxLearn คือ มีความเป็นส่วนตัว เพราะต้องเป็นสมาชิกเท่านั้นจึงสามารถทำการ Login เข้าไปใช้งานได้ นอกจากนี้ยังสามารถเก็บข้อมูลแบบเอกสารได้ดีมาก อีกทั้งระบุวัน เวลาในการส่งงานเพื่อเป็ฯหลักฐาน ได้อยากถูกต้องแม่นยำ
- Glass Technology หมายถึง รูปแบบ Tablet ในอนาคต ที่หน้าจอเป็นกระจก รวมถึง feature ต่างๆ
- การเลือกใช้เทคโนโลยีที่ดีและเหมาะสม เป็นคุณสมบัติอย่างหนึ่งของการเรียนในยุค Web 2.0
- WIKI เป็นแหล่งข้อมูลปฐมภูมิ (primary resources)
- การสอนที่ต้องใช้เทคโนโลยี เช่น Google  YouTube  wiki เข้ามาเกี่ยวข้องในรูปแบบการสอน สิ่งสำคัญคือผู้สอนต้องทำการศึกษาก่อนการสอนทุกครั้ง
- การเรียนที่ได้ประสิทธิภาพ คือ ต้องศึกษา Course Syllabus
- ข้อสอบที่ใช้ในปัจจุบันจะคล้ายกับ Rubrics
- การประเมินผลตามสภาพที่เป็นจริง (Authentic Assessment) เป็นการประเมินตามสภาพจริงที่ไม่ได้มีการจัดขึ้นมา ซึ่งทำได้ยาก เช่น การซื้อของโดยต้องใช้เงินในชีวิตประจำวัน
- การประเมินโดยการปฏิบัติ (Performance Assessment) เป็นความสามารถในการปฏิบัติได้จริง ตามสถานการณ์ที่จัดขึ้น
- ระดับของหลักสูตร คือ โครงสร้าง (curriculum) และคอร์ส (teaching and learning)
- การประเมินหลักสูตร ต้องมีการประเมินก่อนใช้ ระหว่างใช้ และหลังใช้
- การเรียนปัจจุบันที่มีแหล่งค้นคว้าทางอินเทอร์เน็ตมากมาย ต้องรู้จัก เลือก ลอก เรียนรู้

ความรู้ที่ได้รับจากการศึกษา Electronic Portfolio (e-Portfolio)

There are three main types of e-portfolios, although they may be referred to using different terms:
A developmental e-portfolio is a record of things that the owner has done over a period of time, and may be directly tied to learner outcomes or rubrics. 
A reflective e-portfolio includes personal reflection on the content and what it means for the owner's development.
A representational e-portfolio shows the owner's achievements in relation to particular work or developmental goals and is, therefore, selective. When it is used for job application it is sometimes called Career portfolio. The three main types may be mixed to achieve different learning, personal, or work-related outcomes with the e-portfolio owner usually being the person who determines access levels.

e-Portfolio is an electronic journal where one collects evidence of their learning. It is the equivalent of the traditional pen and paper journals where we used to track our learning journey before technology takes over.

e-Portfolios can either be discipline specific or generally open to the entire lifelong learning experience. We in education are interested
in the first type.

Link : e-Portfolio


Date : August 19, 2013
Time : 09:30 AM



สิ่งที่ได้เรียนรู้ (ครั้งที่ 6)
อา. 18 ส.ค. 56


ความรู้ที่ได้จากคำแนะนำของผู้สอน
- การเรียนที่มีประสิทธิภาพ ต้องขึ้นอยู่กับผู้สอน กล่าวคือ ผู้สอนจะต้องมีกระบวนการถ่ายทอดความรู้ให้เป็นขั้นเป็นตอน เหมาะสมสำหรับเด็ก
- การที่จะสอนเกี่ยวกับด้านจริยธรรม เราจะใช้กระบวนการสอนโดยจะต้องมีการสอดแทรกเนื้อหาความรู้ด้านจริยธรรม ซึ่งต้องใช้เวลาในการสอดแทรก และต้องเป็นไปแบบเป็นขั้นเป็นตอน
- การกิจกรรมการเรียนผ่านเครือข่ายออนไลน์ ขอให้มีภาพ -> ภาพสี -> ภาพเคลื่อนไหว -> VDO

ความรู้ที่ได้รับจากโปรแกรม HotPotatoes
- แบบฝึกหัดที่สำคัญของไฟล์งานใน HotPotatoes คือ ไฟล์งานที่นามสกุล cfg เป็นหัวใจ ที่ทำให้แบบทดสอบแต่ละชุดมีความแตกต่างกัน
- เมนู Add Reading Text การใส่งานที่เกิดการเชื่อมต่อจากอินเทอร์เน็ต
- การจะเลือกไฟล์งานอะไรก็ตามใน HotPotatoes เราต้องทราบรูปแบบของไฟล์งานที่ต้องการ
- การเลือกชุดแบบทดสอบของ HotPotatoes ผู้สอนต้องตั้งเป้าหมายว่าต้องการให้ผู้เรียนทำอะไร แต่อย่าสนใจว่าใน HotPotatoes มีอะไรให้บ้าง

ความรู้ที่ได้รับจากการทำ Project
- Web 2.0 มีการให้บริการ 3 ประเภท คือ 1) บริการทางด้านการสื่อสารทางสังคม เช่น Facebook, Schoology 2) บริการด้าน Template Web เช่น wix.com (ลักษณะเด่น online flash template) 3) บริการรับฝากภาพและวิดีโอ
- VOKI เป็นภาพ AvarTar ที่มีขนาดภาพเล็ก พูดได้ หน้าตาเคลื่อนไหวได้ คล้ายๆกับของจริง
- Blog ต่างจาก Website ตรงที่ 1) Blog เป็น Mini Web 2) Blog ไม่สามารถอัพโหลดไฟล์ขึ้นไปได้ ทำได้แค่เชื่อมต่อลิงค์ เน้นการเชื่อมโยง 3) Blog มีลักษณะที่จำกัดการวางรูปแบบที่ตายตัว
- ระบบ (System) มีความยิ่งใหญ่ คือ ต้องมี Data Base, User Base (ระบบการ Log in)
- Web 3.0 เช่น Google translate เน้นที่ความหมาย (Semantic)
- การเกิด Web 2.0 ทำให้เกิดการออกแบบที่ง่ายมาก
- Software จะต้องมีผู้ใช้จึงจะดีมาก
- FAQ  (Frequently asked questions) การถามเพื่อรอคำตอบ
- Forum ผู้ใช้จะไม่สามารถตั้งกระทู้เองได้
- Webboard ผู้ใช้มีสิทธิ์ที่จะตั้งกระทู้เองได้



Date : August 12, 2013
Time : 10:45 AM



สิ่งที่ได้เรียนรู้ (ครั้งที่ 5)
อา. 11 ส.ค. 56 

ความรู้ที่ได้จากคำแนะนำของผู้สอน
- การเรียนด้วยการใช้เทคโนโลยีเป็นหลักและการทำงานเป็นกลุ่มแบบออนไลน์ จะช่วยเสริมทักษะการสืบค้นข้อมูลและการเสาะแสวงหาความรู้
- ความผิดพลาดที่เกิดขึ้น ส่วนใหญ่มักเกิดจากการที่เราสื่อสารไม่ตรงกัน สื่อสารแล้วเข้าใจไม่ตรงกัน นั่นคือ Technology นั้นสมบูรณ์แล้ว แต่ที่ยังไม่สมบูรณ์คือ Communication
- เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ เกิดจากการเรียนรู้ที่ผิดพลาด ซึ่งการผิดพลาดจะได้แค่ one or two error เรียกว่า การเรียนรู้จากการผิดพลาด Learning by Error
- ในยุคปัจจุบัน ผู้สอนต้องให้โอกาสแก่ผู้เรียน การศึกษาต้องเป็นออนไลน์
- การประเมินผลที่ดี ควรได้มาจากสิ่งที่สามารถวัดได้จริง ซึ่งคอมพิวเตอร์ จะสามารถวัดได้จากการปฏิบัติจริงเท่านั้น
- การเขียนหลักสูตร ต้องเขียนให้กระจ่างชัดเจน เขียนแล้วต้องไม่เกิดข้อคำถามใดๆ ผู้สอนต้องมีความรู้เท่าทันกับการประเมินผล
- การเขียนประเมินผล จะเน้นไปที่การประเมินเชิงพฤติกรรม ซึ่งการเขียนต้องเลือกใช้คำที่สามารถแสดงพฤติกรรมได้อย่างชัดเจน เช่น บอก เขียน อ่าน เป็นต้น
- รศ.ดร.ยืน ภู่วรวรรณ ได้ให้แนวคิด คือ เทคโนโลยีอุบัติใหม่

ความรู้ที่ได้จากบทเรียน
โปรแกรม HotPotatoes
โปรแกรม HotPotatoes มีลักษณะดังนี้
- เป็นโปรแกรมสำหรับการสร้างแบบทดสอบ มีประโยชน์มากสำหรับการนำไปใช้ในการเรียนการสอนในระดับชั้นการศึกษาต่างๆ
- เป็นโปรแกรม FreeWare ทุกคนสามารถดาวน์โหลดมาใช้ได้
- เป็นโปรแกรมที่ส่งเสริมการเรียนการสอนแบบออนไลน์ โดยให้มีการตอบสนอง สามารถดึงเอา website VDO youtube มาใส่ในแบบทดสอบได้
- เป็นโปรแกรมที่ตอบสนองต่อการเรียนรู้แบบ Learning Style (ฟัง ดู เขียน ร่วมกิจกรรม)


โปรแกรม HotPotatoes ประกอบไปด้วยเมนูย่อย คือ
1. JQuiz เป็นแบบทดสอบที่ให้เลือกคำตอบที่ถูก
2. JCross เป็นแบบทดสอบลักษณะอักษรไขว้
3. JMix เป็นแบบทดสอบลักษณะเรียบเรียงประโยค
4. JMatch เป็นแบบทดสอบลักษณะการจับคู่
5. JCloze เป็นแบบทดสอบที่ให้เติมคำลงในช่องว่าง
6. The Masher เป็นโปรแกรมสำหรับสร้างหน้าดัชนี (Index)

แต่ละแบบทดสอบประกอบด้วยการทำงาน 3 ส่วน ดังนี้
ส่วนที่ 1 : ส่วนของการป้อนข้อมูล (Entering data) : ใช้สำหรับ การป้อนข้อมูล รายละเอียด ของคำถามและคำตอบ
ส่วนที่ 2 : ส่วนของการกำหนดค่าต่างๆ ของ out put (Configuring the output) : ใช้สำหรับ การปรับแต่งค่าต่างๆ ของ output เช่นการกำหนดข้อความ สีของพื้นหลังหรือปุ่มคำสั่งต่างๆ เป็นต้น
ส่วนที่ 3 : ส่านของการสร้างเว็บเพจ : ใช้สำหรับการบันทึกงานที่ได้ทำแล้วให้เป็นแบบเว็บเพจ แต่เป็นการแสดงในส่วนที่อยู่ที่เครื่องของผู้ทำเท่านั้น

ตัวอย่างการสร้างแบบทดสอบด้วย JCloze
แบบทดสอบลักษณะ JCloze เป็นแบบทดสอบที่ให้ผู้ทำแบบทดสอบเติมคำลงในช่องว่าง
มีขั้นตอนในการสร้างแบบทดสอบ ดังนี้
1. จากหน้าต่างของโปรแกรม Hot Potatoes คลิกเลือก JCloze


2. ปรากฏหน้าต่างใหม่



แถบเมนู
File เป็นเมนูที่ทำงานเกี่ยวกับเอกสาร เช่น สร้างเอกสารใหม่ เปิดเอกสาร บันทึกงาน
Edit เป็นเมนูที่ทำงานเกี่ยวกับการแก้ไขข้อมูล คัดลอกข้อมูล ตัดข้อมูล วางข้อมูล ลบข้อมูล
Insert เป็นเมนูที่ทำงานเกี่ยวกับการแทรกรูปภาพ การลิงค์ไป URL หรือ Fileข้อมูล
Options เป็นเมนูที่ทำงานเกี่ยวกับการจัดรูปแบบตัวอักษร การปรับแต่งการแสดงผลทาง output
Help เป็นเมนูที่ทำงานเกี่ยวกับการช่วยเหลือหรือรายละเอียดเพิ่มเติม

3. ใส่ชื่อหัวข้อเรื่องในช่อง Title และ พิมพ์เนื้อหาทั้งหมดลงในพื้นที่



4. เลือกคำศัพท์ที่ต้องการให้ผู้เรียนเติมลงในช่องว่าง มีขั้นตอนดังนี้
4.1 เลือกคำศัพท์ที่ต้องการให้แสดงเป็นช่องว่าง(gap)โดยการทำ mark คำนั้นๆ (เพื่อให้ผู้เรียนเติมคำนั้นๆ ลงในแบบทดสอบ)
4.2 คลิกที่ปุ่ม Gap จะปรากฏหน้าต่างใหม่ขึ้นมาอีกหนึ่งหน้าต่าง
4.3 ใส่รายละเอียดของคำนั้นๆ และคำตอบที่ใกล้เคียงซึ่งเป็นที่ยอมรับแทนคำตอบแรก แล้วคลิก OK เพื่อยืนยัน
4.4 แสดงหน้าต่างผลของการเลือกคำ คำที่เลือกจะถูกกำหนดให้เป็นคำที่ให้ผู้เรียนตอบลงในช่องว่าง
5. บันทึกแบบทดสอบโดยคลิกที่ไอคอน หรือไปที่เมนู file เลือกคำสั่ง save เลือก Folder ที่ต้องการเก็บ แล้วตั้งชื่อ file โดยที่ file ที่ได้จะมีนามสกุล .jcl
การลบ Gap ออกจากระบบ
- ทำได้โดย mark Gap ที่ต้องการลบ คลิกปุ่ม Delete Gap เพื่อลบ Gap ที่เลือก
- หรือคลิกปุ่ม Clear Gaps เพื่อลบ Gap ทั้งหมดที่มีอยู่ในแบบทดสอบ






Date : July 16, 2013
Time : 09:39 PM



สิ่งที่ได้เรียนรู้ (ครั้งที่ 4)
อา. 14 ก.ค. 56 

Start
อาจารย์อธิบายการแก้ไขงานกลุ่ม ในส่วนต่างๆ ดังนี้
-ควรเพิ่มเติมการแบ่งหน้าที่การทำงานกลุ่ม เวลาที่จะจัดส่งงานเข้า Max learn เวลาสำหรับการ Discuss
-ตรวจสอบ Link ว่าสามารถเชื่อมต่อได้จริงหรือไม่
-ขั้นตอนการแก้ไข Link ที่ไม่ Active คือ พิมพ์ Link แรกที่ต้องการ > กด space bar 3 ครั้ง > พิมพ์ Link อันต่อไป > กด space bar 3 ครั้ง > พิมพ์ Link สุดท้าย > กด space bar 3 ครั้ง
-การอภิปรายต้องมีคุณภาพ ควรมีการเตรียมตัวก่อนการ Discuss
-การสรุปงานจาก Resource ที่ได้อ่าน เราควรพยายามตั้งคำถามว่า ได้อะไรจาก TEXT ที่ได้อ่าน ประเด็นสำคัญที่กล่าวถึงอย่างต่อเนื่องและบ่อยครั้ง

Tips
- e-Learning มีลักษณะเด่น คือ ต้องมีการกำหนดค่าบางอย่าง เพื่อให้ share ได้ /เกิด contents ที่เหมาะสม ซึ่งมีขนาดเล็กและสามารถจบได้ในตัวเอง
-บทเรียนคอมพิวเตอร์ควรมีหลายศาสตร์ ควรมีแนวคิดใหม่ นวัตกรรมใหม่ เพื่อเสริมองค์ความรู้ให้กับบทเรียน
-การทำหลักสูตร ต้องคำนึงถึงปรัชญา วิสัยทัศน์
-การเลือกบทความบนอินเทอร์เน็ต ควรคำนึงว่ามี Reference เพื่อเสริมความน่าเชื่อถือของบทความนั้นๆ

Study
การสร้าง websiste ด้วย wix.com
 
Wix เป็นเว็บไซต์ที่เราสามารถสร้างเว็บไซต์ออนไลน์ที่สำเร็จรูปและฟรีได้ โดยมีเทมเพลตและรูปแบบให้เลือกมากมาย มีความสวยงามทันสมัย ทั้ง Flash และ HTML5 สามารถสร้างได้ง่าย ปรับแต่งได้เยอะ เหมือนกับดับเบิ้ลคลิกแก้ไขได้ทุกส่วน ทั้งการจัดรูปแบบ การเพิ่มวัตถุ การลากวาง และอื่นๆ

1) เข้าไปที่เว็บไซต์ wix.com เพื่อทำการสมัคร

2) เมื่อทำการสมัครสมาชิกใหม่เรียบร้อยแล้ว เราจะต้องมาเลือกหมวดหมู่ที่ตรงกับเว็บไซต์ของเราเสียก่อน 


3) เว็บไซต์มีเทมเพลตและหมวดหมู่ให้เลือกมากมาย ซึ่งสามารถเลือกมาแก้ไขเป็นรูปแบบของเราได้หมดเลย ขั้นแรกแนะนำว่าให้เลือกประเภทของเว็บไซต์ก่อนว่าจะเอาเป็น Flash หรือ HTML
 
4) กด VIEW ดูก่อนก็ได้ หรือจะกด EDIT เพื่อสร้างเว็บไซต์ของเราจากเทมเพลตดังกล่าวได้เลย
 
5) เราสามารถคลิกแก้ไขส่วนที่ต้องการจะแก้ได้ทั้งหมดทุกส่วนเลย โดยเมื่อคลิกแล้วจะมีกล่อง Property เหมือนโปรแกรม Dreamweaver มาให้เราเลือกว่าต้องการเอาให้มันแสดงผลออกมา
เป็นแบบไหน ก็ค่อยๆเลือกกันไปไม่ต้องรีบร้อน เราทำงานบนเว็บไซต์ สามารถเซฟมาทำใหม่ได้เช่นกัน
 

6) Pages หรือ หน้า กันบ้าง เราสามารถแก้ไข HOME ให้เป็นชื่อเรียกอื่นได้ ทำลิงค์ไปมาหากันได้อย่างอิสระ โดยที่ไม่ต้องตั้งค่าอะไรให้มากมาย เพียงแค่กดที่เครื่องหมายรูปเฟือง แล้วเซ็ทค่าใหม่

7) นั่งทำไปเรื่อยๆ จนได้ผลออกมาเป็นที่ค่อนข้างน่าพอใจ ให้เราสังเกตที่แท็บเมนูบาร์ของเว็บไซต์ หากกด Preview จะเป็นการแสดงผลที่เราแก้ไปทั้งหมด เหมาะกับดูเว็บไซต์ก่อนจะนำไปใชงานจริง หรือจะบันทึกไว้แก้ไขต่อก็กด Save ส่วนใครที่ทำเสร็จแล้วสามารถกด Publish ได้เลย เว็บไซต์จะถามว่าต้องการเลือกชื่อ URL เป็นอะไร อย่างเช่น http://boompink.wix.com/personal เวลาจะเรียกหน้าเว้บไซต์ขึ้นมาแสดงก็จะต้องเรียกไปที่


Introducing: Voki Classroom
 
Voki Homepage


Voki Link
HomeWork

IndividualWork2 ^___^

ร่างโครงการส่งที่เมนูCProject: Project3 ประกอบด้วย
1. ชื่อโครงการไทย-อังกฤษ
2. ชื่อผุ้จัดทำ – ที่ทำงาน
3. หลักการและเหตุผล
4. วัตถุประสงค์โครงการ (เพื่อพัฒนา ...)
5. ขั้นตอนการดำเนินงาน
6. งบประมาณ
7. ผลงาน และ ต้นแบบ ระบุรายละเอียด คือ
- ผลงานสมบูรณ์ของโครงการ คือ ... (บรรยายลักษณะชัดเจน)
- ต้นแบบ ประกอบด้วย ... (บรรยาย ส่วนเนื้อหาที่จะพัฒนา โดยละเอียด)
8. โครงสร้างเมนูงานต้นแบบ
กำหนดเมนูหลักเมนูย่อยของผลงานแสดงเป็นรายการชัดเจน
ส่งงานเป็นไฟล์WORD ที่เมนูCProject: Project3

Group Work

ส่งงานภายในศุกร์ที่ 19 กรกฎาคม 2556 ส่งใน ForumWK2
 ------------------------
Date : July 9, 2013
Time : 08:59 PM



สิ่งที่ได้เรียนรู้ (ครั้งที่ 3)
อา. 7 ก.ค. 56


Teacher Talk in MaxLearn before study ^___^

Every Group: Work Now For Your Group Report !

1. Correct the " too much spaces " of your post in ForumWK1
and discuss while waiting for me the content of each group - post.

2. Your Contents: Are they corresponded well to the topic you've got ?
กลุ่มที่ 1 e-Learning : Face to Face - Fully Online – Blended Learning
กลุ่มที่ 2 U-learning / M-learning: What are they?
กลุ่มที่ 3 From Web2.0 to Web 3.0 : Educational Impacts

And what will be the sub-topics for the content you had got as your work?
You all must finish working this by 10.00 h

Discuss in Classroom ^___^

-แลกเปลี่ยนเรียนรู้ แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการทำงานในสัปดาห์ที่ผ่าน
-ได้ข้อชี้แจงเพิ่มเติมสำหรับการเรียนในหลักสูตรปริญญาเอก คือ ต้องศึกษาค้นคว้างานที่ได้รับมอบหมายอย่างลึกซึ้ง ต้องรู้จักเปรียบเทียบในสิ่งที่ได้เรียนรู้
-ได้ทบทวนความรู้เกี่ยวกับเรื่องคอมพิวเตอร์เบื้องต้น ดังนี้

ระบบ Computer มีองค์ประกอบสำคัญ 1. Hardware  2. Software 3. Peopleware

จุดประสงค์ของคอมพิเวตอร์ คือ เปลี่ยนข้อมูลให้เป็นสารสนเทศ

สิ่งสำคัญที่ทำให้ระบบข้อมูลมีขีดความสามารถเพิ่มขึ้น คือ การโอนย้ายข้อมูลระหว่างกัน และการเชื่อมต่อหรือการสื่อสาร

ไคลแอนต์ และ เซิร์ฟเวอร์
หน้าที่หลักของเซิร์ฟเวอร์ คือ การให้บริการ เช่น ไฟล์เซิร์ฟเวอร์ ทำหน้าที่ให้บริการการใช้ไฟล์ ใช้ข้อมูล หากจัดการข้อมูลเป็นฐานข้อมูลและให้บริการการเรียกใช้ผ่านคำสั่งจัดการฐานข้อมูลมาตรฐาน ให้บริการด้านการสื่อสารที่จะต่อเชื่อมกับอุปกร์อื่นก็เรียกว่า คอมมูนิเคชั่นเซิร์ฟเวอร์ ให้บริการด้านการพิมพ์เอกสาร เป็นที่พักของข้อมูลก่อนการบริการการพิมพ์ก็เรียกว่า พรินเตอร์เซิร์ฟเวอร์

คอมพิวเตอร์ที่ทำหน้าที่ขอใช้บริการเรียกว่า ไคลแอนต์ เช่น พีซีที่ต่ออยู่บนเครือข่าย ขอเรียกใช้ฐานข้อมูล เราเรียกพีซีนี้ว่า ดาต้าเบสไคลแอนต์ ในขณะที่พีซีมีการเชื่อมต่อกับผู้ใช้เพื่อให้แสดงผลแบบวินโดว์เป็นกราฟิคได้ พีซีทำหน้าที่แสดงผลและให้บริการการแสดงผล เราเรียกพีซีนี้ว่าเป็น เทอร์มินัลเซิร์ฟเวอร์

ดังนั้นอุปกรณ์หนึ่งอาจเป็นได้ทั้งไคลแอนต์และเซิร์ฟเวอร์ตามฟังก์ชันการทำงานและจะทำงานร่วมกันโดยส่งผ่านข้อมูลและการเชื่อมโยงทางเครือข่ายคอมพิวเตอร์

รูปแบบของไคลแอนต์-เซิร์ฟเวอร์ จึงเป็นรูปแบบที่ใช้ขีดความสามารถของคอมพิวเตอร์จำนวนมากตั้งแต่พีซีจนถึงเมนเฟรมทำงานร่วมกันเป็นระบบ รูปแบบการทำงานแบบไคลแอนต์-เซิร์ฟเวอร์ จึงเป็นรูปแบบของการจัดระบบให้เหมาะสมกับองค์กรทั้งทางด้านฮาร์ดแวร์ ซอฟแวร์ และการทำงานร่วมกัน ระบบนี้จึงได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นในขณะนี้

e-Learning คือ การเรียน การสอนในลักษณะ หรือรูปแบบใดก็ได้ ซึ่งการถ่ายทอดเนื้อหานั้น กระทำผ่านทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์ เช่น ซีดีรอม เครือข่ายอินเทอร์เน็ต อินทราเน็ต เอ็กซทราเน็ต หรือ ทางสัญญาณโทรทัศน์ หรือ สัญญาณดาวเทียม (Satellite) ฯลฯ เป็นต้น ซึ่งการเรียนลักษณะนี้ได้มีการนำเข้าสู่ตลาดเมืองไทยในระยะหนึ่งแล้ว เช่น คอมพิวเตอร์ช่วยสอนด้วยซีดีรอม, การเรียนการสอนบนเว็บ (Web-Based Learning), การเรียนออนไลน์ (On-line Learning) การเรียนทางไกลผ่านดาวเทียม หรือ การเรียนด้วยวีดีโอผ่านออนไลน์ เป็นต้น

m-Learning หรือ Mobile-Learning หลักการคือทำให้ผู้เรียนสามารถที่จะนำเอาบทเรียนมาวางไว้บนโทรศัพท์เคลื่อนที่ (มือถือ) และสามารถเรียกดูข้อมูลได้ตลอดเวลาทุกที่ พร้อมทั้งสามารถที่จะรับส่งข้อมูลได้เมื่อมีสัญญาณจากเครือข่ายโทรคมนาคม

u-Learning มาจากคำว่า Ubiquitous Learning เป็นการผสมผสานกันของ e-Learning กับ m-Learning เป้าหมายให้ผู้เรียนสามารถเรียนรู้ตามกระบวนการของ e-Learning โดยใช้อุปกรณ์ที่เป็นทั้งเครื่อง PC ที่มีระบบเครือข่ายทั้งชนิดใช้สายและไร้สาย ผสมผสานไปกับอุปกรณ์อื่น

Blended Learning เป็นรูปแบบการเรียนการสอนที่นำสื่อหลายๆ ชนิดผสมผสานกัน ตั้งแต่ด้านเทคโนโลยี กิจกรรมการเรียนการสอน และเหตุการณ์ที่เหมาะสมเพื่อสร้างรูปแบบการเรียนการสอนที่เหมาะสมสำหรับกลุ่มเป้าหมาย

Web 1.0 เป็นเว็บสมัยดั้งเดิม เป็นเว็บที่อยู่ในสมัยยุคแรกของ internet Web 1.0 ทำให้โลกของ internet ได้รับความนิยมมากขึ้น เพราะ เป็นเว็บไซต์ที่ที่เราเปิดเพื่อเป็นการสืบค้นหาข้อมูลในการทำงาน ในทฤษฎีของการสื่อสารถือว่าเป็น การสื่อสารทางเดียว ( one - way communication ) เพราะไม่มีการตอบรับจากผู้ที่ได้รับข้อมูล ส่วนใหญ่จะสร้างข้อมูลแล้วนำมา upload ไว้ใน server โดยอาจมีคนดูแลให้ เรียกว่า web master เพราะฉะนั้น Web 1.0 จะขาด server ไม่ได้เลย

Web 2.0 มีองค์ประกอบหลัก คือ 1 network as platform คือจะต้องให้บริการหรือสามารถใช้งานผ่านทาง web browser ได้ /2 ผู้ใช้งานที่เป็นเจ้าของข้อมูลบน website นั้น สามารถดำเนินการใดๆ ก็ได้กับข้อมูลนั้น /3  การมีส่วนร่วมและความเป็นอิสระจะทำให้มีการใช้งานมาก ทำให้สิ่งนั้นมีคุณค่าน่าสนใจ การเปรียบเทียบ

Web 3.0 กำลังจะมา เป็นการนำแนวคิดของ Web 2.0 มาทำให้ Web นั้นสามารถจัดการข้อมูลจำนวนมากๆ โดยอย่างที่เรารู้กันดีว่าผู้ใช้ทั่วไปนั้นเป็นผู้สร้างเนื้อหา ได้เพิ่มจำนวนมากขึ้น เช่น การเขียน Blog, การแชร์รูปภาพและไฟล์มัลติมีเดียต่างๆ

Study ^___^

การสร้าง Link ให้กับ Classmate icon ใน Menu

-Open file --> Template Folder --> Click hometemp.ufo --> file --> Save As --> เปลี่ยนชื่อเป็น classmate.ufo --> หลังจากนั้นทำการลบข้อมูลออก ให้เหลือแต่ banner --> file --> Save for Web --> PirunWeb Folder --> ใช้ชื่อว่า classmate.html

-แก้ไข menu ใน PirunWeb โดย คลิกขวาที่ menu เลือก open with Dreamweaver --> properties > target > _up --> file --> Save all

-การทำ Link สำหรับ website ของทุกคน ด้วย  Dreamweaver  ตามภาพ



GroupWork2 ^___^

Topic : Technology-Based Curriculum and Instruction
Member : วราภรณ์ อาภาลัย จิตติมา
1. นิสิตแบ่งงานกันอ่านศึกษาค้นคว้าเว็บไซด์ ที่เมนูResourceW2
2. สรุปนำเสนอผลงานเป็นรายบุคคลพร้อมอ้างอิงURL ที่เมนู GSearch2: Group1 – Group3
3. อภิปรายที่ Facebook Event: Discuss2G1 – Discuss2G2 – Discuss2G3
แล้วจัดทำสรุปผลงานของกลุ่มโพสต์ลงบน KU MAXLEARN เมนู ForumWK2 ภายในวันที่13 ก.ค. 2556
4. แต่ละกลุ่มอ่านศึกษาผลงานทั้งหมดและอภิปรายเพื่อจัดทำร่างรายงาน ที่เมนูForumWK2ภายใน 23.50 น. วันที่ 18 ก.ค. 2556
5. ทุกกลุ่มช่วยกันจัดทำรายงานเป็นไฟล์WORD ส่งที่เมนู ReportWK2 ภายใน 23.50 น. วันที่ 21 ก.ค. 2556
Facebook Discussion LINK
https://www.facebook.com/events/129083140635888/

IndividualWork2 ^___^

ร่างโครงการส่งที่เมนูCProject: Project2 ข้อ 1 ประกอบด้วย
1. ชื่อโครงการไทย-อังกฤษ
2. ชื่อผุ้จัดทำ – ที่ทำงาน
3. หลักการและเหตุผล
4. วัตถุประสงค์โครงการ (เพื่อพัฒนา ...)
5. ขั้นตอนการดำเนินงาน
6. งบประมาณ
7. ผลงาน และ ต้นแบบ ระบุรายละเอียด คือ
- ผลงานสมบูรณ์ของโครงการ คือ ... (บรรยายลักษณะชัดเจน)
- ต้นแบบ ประกอบด้วย ... (บรรยาย ส่วนเนื้อหาที่จะพัฒนา โดยละเอียด)
8. โครงสร้างเมนูงานต้นแบบ
กำหนดเมนูหลักเมนูย่อยของผลงานแสดงเป็นรายการชัดเจน
ส่งงานเป็นไฟล์WORD ที่เมนูCProject: Project 2 ข้อ1 ภายใน 23.50 น. วันที่ 12 ก.ค. 2556
------------------------

Date : June 25, 2013
Time : 01:52 AM



สิ่งที่ได้เรียนรู้ (ครั้งที่ 2)
อา. 23 มิ.ย. 56

Start...

- ได้มีการปรับเปลี่ยนประมวลการสอน (Course Syllabus) เพื่อความทันสมัย ชัดเจนและเข้าใจมากยิ่งขึ้นในการจัดการเรียนการสอน
- ได้รับการชี้แจงงานที่ต้องใช้ในการฝึกปฏิบัติ คือ การออกแบบเว็บไซต์ส่วนตัว โดยใช้โปรแกรมที่ใช้งานง่าย เช่น PhotoImpact
- นอกจากนี้ ได้รับความรู้เพิ่มเติมเรื่องของโปรแกรมที่ใช้ในด้าน Photos Graphic หรือออกแบบตกแต่งเว็บไซต์ เช่น โปรแกรม Photoshop, PhotoImpact, DreamWeaver, TeloPortPro เป็นต้น
- ได้เรียนรู้การติดตั้งโปรแกรมที่ใช้ในการเรียน คือ โปรแกรม Ulead, PhotoImpact, DreamWeaver
- การสร้างหน้าเว็บไซต์ของตนเอง จะต้องมีพื้นที่หนึ่งที่สามารถเข้าถึง Link ที่จำเป็นได้ง่ายและรวดเร็วขึ้น เช่น Link ของ KU-LMS, KU-Webmail, E-Port,

The Next...

อาจารย์อธิบายงานกลุ่ม หัวข้อ นวัตกรรมและการประยุกต์ใช้ไอซีทีทางการศึกษา ICT Application in Education ดังนี้

กลุ่มที่ 1 e-Learning : Face to Face - Fully Online – Blended Learning
ASCD - Blended Learning
E-Learning Center: Knowledge Nuggets
ELearnMagazine: Culture / Business / Technology
ElearnSpace – Categories of E-Learning
LearningLight
Wikipedia

กลุ่มที่ 2 U-learning / M-learning: What are they?
M-Learning
ASCD - MLearning
Fractus Learning
SlidesShare
Wikipedia
U-Learning
EduTech Wiki
New Learning: A Charter for Change in Education
U.Of Illinois - Lecture Series
U.Of Illinois - What is U-Learning?
Wikipedia Flexible Learning
Wikipedia U-Learning

กลุ่มที่ 3 From Web2.0 to Web 3.0 : Educational Impacts
100 Best Web 2.0 Classroom Tools
6 Pillars of Web2.0
Facebook in Classroom
SlidesShare - Web2.0
Web2.0 Meaninful Tools for Today's Students
Web2.0 Tools
Why use Web2.0 in classroom ?

Tips...

-การนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ต้องมีการปรับเปลี่ยนเพื่อให้ผู้เรียนเป็นสำคัญ โดยนึกถึงความแตกต่างระหว่างผู้เรียน (Learning Style) รวมถึงผู้สอนจะต้องมีลักษณะเฉพาะของตนเองในการสอน (Teaching
Style)
-การเรียนรู้แบบออนไลน์ มักจะเป็นการเรียนรู้ที่เกิดจากความผิดพลาด Error Learning
-ลักษณะเด่นของ Web 2.0 คือ ช่วยกันสร้าง ช่วยกันใช้ ชวยกันแชร์
-นักการศึกษาปัจจุบันต้องมีการผสมผสานระหว่าง Learning Style กับ Teaching Style
-เทคโนโลยีไม่มีทางที่จะหยุดนิ่ง จะมีวิวัฒนาการไปเรื่อยๆ ดังนั้น เราต้องฉลาดที่จะเลือกใช้ให้ถูกทาง มีความเข้าใจว่าเทคโนโลยีไม่ใช่ตัวแทนการสอน แต่เป็นเครื่องมือที่นำมาช่วยเสริม ช่วยทำให้การจัดการเรียนการสอนทำได้ดีขึ้น
-เทคโนโลยีเครือข่ายทำให้เกิด e-Lerning
-ตัวอย่างของ Web 2.0 คือ YouTube
-ตัวอย่างของ Web 3.0 คือ Google translate

MaxLearn e-Learning ...
อาจารย์อธิบายงานรายบุคคลที่นิสิตต้องใช้สำหรับการเรียนการสอนจาก https://course.ku.ac.th/lms/index.php

HTML ...
ขั้นตอนการเขียนเว็บเพจด้วยภาษา HTML

1. กำหนดพื้นที่ที่จะใช้จัดเก็บเอกสารทั้งหมด
1.1   สร้างโฟลเดอร์ (folder) ไว้ที่ My Document โดยตั้งชื่อเป็นชื่อของนักเรียน (เป็นภาษาอังกฤษ) เช่น My Documnents/shanikarn
1.2   ภายในโฟลเดอร์ shanikarn ให้สร้างโฟลเดอร์ย่อยที่ใช้ในการจัดเก็บภาพต่างๆ ที่จะนำมาแสดงในเว็บเพจ โดยตั้งชื่อว่า images เช่น My Documents/shanikarn/images

2. เปิดโปรแกรม Notepad คลิกที่ Start / Program / Accessories / Notepad

3. พิมพ์คำสั่งภาษา HTML  เมื่อเปิดโปรแกรม Notepad แล้วให้พิมพ์คำสั่งต่างๆ ดังต่อไปนี้
<html>
<head>
<title>Personal Website of Jittima PISAPAK by PIRUN</title>
</head>
<frameset rows=85%,15%  border=0 scrolling=no> ไม่มี scroll
<frame src=home.html  name=up>
<frame src=menu.html  name=down>  มีหลายหน้า จะมี frame ตามจำนวนการแบ่งหน้า
</html>

4. หลังจากพิมพ์ข้อมูลต่างๆ เสร็จ ให้จัดเก็บข้อมูลโดยคลิกที่เมนู File แล้วเลือก save

5. ในการจัดเก็บครั้งแรก โปรแกรมจะขึ้นกรอบมาให้ตั้งชื่อให้กับเอกสาร
ให้เลือกเก็บข้อมูลดังต่อไปนี้
-ข้อมูลในช่อง Save in : ให้เลือกไปที่โฟลเดอร์ที่เราสร้างไว้ในตอนแรก (shanikarn)
-ข้อมูลในช่อง File name:  ให้ตั้งชื่อว่า test.htm
-ข้อมูลในช่อง Save as type :  ให้เลือกเป็น All Files
-จากนั้นให้คลิกที่ปุ่ม Save

การเขียนโปรแกรมด้วยภาษา HTML จะมีโครงสร้างและการจัดวางคำสั่งหลักที่เป็นมาตรฐานเหมือนกันทั่งโลก โดยจะประกอบด้วยคำสั่งหลักๆ อยู่ 4 คำสั่งด้วยกัน ดังนี้

1. <html>........</html>   เป็นคำสั่งที่ทำหน้าที่บอกจุดเริ่มต้นและจุดสิ้นสุดของเอกสาร HTML
2. <head>........</head>  เป็นคำสั่งที่ทำหน้าที่กำหนดส่วนหัวเรื่อง
3. <title>.........</title>  เป็นคำสั่งที่ใช้กำหนดข้อความที่ต้องการนำมาแสดงผลบนแถบ Title Bar  คำสั่งนี้จะอยู่ภายในคำสั่งส่วน <head>......</head> โดยกำหนดความยาวของตัวอักษรไม่เกิน 64 ตัวอักษร
4. <body>.........</body>  เป็นคำสั่งที่กำหนดข้อความและรูปแบบของคำสั่งต่างๆ ที่ใช้สำหรับปรับแต่งเอกสารที่จะนำเสนอออกทางส่วนแสดงผลหลักของ Web Browser


------------------------

Date : June 17, 2013
Time : 10:30 PM

สิ่งที่ได้เรียนรู้ (ครั้งที่ 1)
อา. 17 มิ.ย. 56

ช่วงแรกเป็นการปฐมนิเทศรายวิชา อาจารย์ได้ตรวจสอบรายชื่อนิสิตที่เข้าเรียน หลังจากนั้นจะเป็นการชี้แจงลักษณะการเรียนการสอน กิจกรรม ประมวลการสอน และรูปแบบของงานที่ต้องทำ

เริ่มต้นสู่การเรียนรู้

การตรวจสอบ username and password

-ตรวจสอบ username, password ของตนเองที่ทางมหาวิทยาลัยได้กำหนดมาให้ โดยเข้าไป login ที่ https://webmail.ku.ac.th/roundcube/ ซึ่งจะปรากฏหน้าจอ ดังนี้




-เมื่อสามารถ login ได้แล้ว จะต้องทำการจัดส่ง Email ให้กับอาจารย์ เพื่อเป็นการแนะนำตัวเอง
-เราสามารถเปลี่ยน password ของตัวเองได้

การแนะนำ Pirun Web Server

-เข้าไปที่ https://pirun.ku.ac.th/pirun-server.html

-การใช้งาน :
    1. การล๊อกอินเข้าใช้เครื่องพิรุณเซิร์ฟเวอร์ให้ใช้โปรแกรม Secure Shell Client เช่น Putty , SecureCRT เป็นต้น ทั้งนี้เพื่อความปลอดภัยในการป้องกับการดักจับข้อมูล โดยที่โปรแกรมเหล่านี้จะมีการเข้ารหัสข้อมูล รวมทั้งบัญชีผู้ใช้และรหัสผ่านด้วยก่อนที่จะติดต่อสื่อสารกับเครื่องเซิร์ฟเวอร์ ซึ่งต่างจากโปรแกรม telnet ที่ไม่มีการเข้ารหัสข้อมูลดังนั้นจึงไม่ปลอดภัยในการใช้งาน
    2. เมื่อสมาชิกลืมรหัสผ่านให้เปลี่ยนรหัสผ่านทางเว็บ pirun ได้ทันที

ก้าวเข้าสู่บทเรียน Blogger.com

วิธีสร้างบล็อกกับ Blogger

ขั้นที่ 1 การสมัครใช้งาน Blogger สามารถใช้ email ของระบบใดก็ได้ แต่ในระยะยาวแล้วการเชื่อมโยงกับบริการหลายๆ อย่างของ Google ควรจะใช้ email ของ Gmail ดีที่สุดค่ะ

ขั้นที่ 2 หลังจากได้บัญชีผู้ใช้แล้ว ให้ไปที่ www.blogger.com เพื่อสร้างบล็อกกันเลยค่ะ โดยในการสร้างบล็อกนั้นก็ให้ใช้ บัญชีผู้ใช้ (user name + password) ที่ได้สร้างไว้ในขั้นที่ 1

1. ไปที่เว็บไซต์ http://www.blogger.com


2. คลิกที่ปุ่ม เริ่มต้น เพื่อเริ่มต้นการสร้างบล็อก จากนั้นใส่ ชื่อที่แสดง, ทำเครื่องหมายถูก และคลิกปุ่มดำเนินการต่อ


3. ให้กรอก ชื่อเว็บบล็อก, ที่อยู่บล็อก (URL) จากนั้น คลิกปุ่ม ตรวจสอบความพร้อมการใช้งาน เพื่อตรวจสอบว่า ที่อยู่บล็อก สามารถใช้งานได้ไหม (ซ้ำกับใครหรือเปล่า?) หากไม่ซ้ำจะขึ้นข้อความว่า ที่อยู่บล็อกนี้สามารถใช้ได้ ให้คลิกที่ปุ่ม ดำเนินการต่อ ดังรูป

4. เลือกเทมเพลตเริ่มต้นที่เราต้องการ จากนั้น คลิกปุ่ม ดำเนินการต่อ

5. จะปรากฏหน้าจอแจ้งว่า บล็อกของคุณถูกสร้างขึ้นแล้ว ให้คลิกปุ่ม เริ่มต้นการเขียนบล็อก ดังรูป

การปรับเปลี่ยน Menu ใน Blogger

-สามารถเลือกปรับเปลี่ยน Menu ต่างๆ ได้ตามความเหมาะสม เช่น Setting, Template, Layout, Pages เป็นต้น


-ตัวอย่างหน้า Blogger ที่ดิฉันออกแบบ


-การปรับแต่งใน Menu > Template

1. การใช้งานเครื่องมือแม่แบบ ทำได้โดย คลิกที่ข้อความ เทมเพลต >> จากนั้นเลือกรูปแบบที่ต้องการ >> และเลือก theme ที่ต้องการ เมื่อแสดงตัวอย่างเป็นที่น่าพอใจแล้ว ให้คลิกที่ปุ่ม “ใช้กับบล็อก” เพื่อยืนยัน


 2. การใช้งานเมนูพื้นหลัง การใช้งานเครื่องมือ “พื้นหลัง” สามารถใช้เพื่อเปลี่ยนภาพพื้นหลังของบล็อก และเลือกสี Theme ของบล็อกได้ตามความต้องการได้ด้วย

 
 3. เครื่องมือ ปรับความกว้าง เป็นเครื่องมือใหม่ที่ทำเพิ่มจากเดิม ซึ่งสามารถปรับความกว้างของทั้งบล็อก และแถบความกว้างได้ สามารถทำได้

 
4. การใช้งานเครื่องมือ “รูปแบบ” : จะใช้เครื่องมือนี้เพื่อกำหนดจำนวน คอลัมน์ รูปแบบคอลัมน์ รวมถึงการกำหนดคอลัมน์ให้กับส่วนท้ายของหน้าได้ด้วย เป็น “การออกแบบเนื้อความ” และ “การออกแบบส่วนท้าย” เครื่องมือนี้ใช้กำหนดรูปแบบคอลัมน์ของ template ของคุณ ซึ่งทำได้ง่ายดายโดยการคลิกเลือกรูปแบบที่ต้องการ ดูตัวอย่าง เมื่อเป็นที่พอใจแล้วก็กดปุ่ม “ใช้กับบล็อก” เพื่อยืนยัน


5. สำหรับเมนูขั้นสูงเป็นการกำหนดรายละเอียดต่างๆ ให้กับบล็อก เช่น รูปแบบของลิงค์ gadget ต่างๆ หัวเรื่อง ชื่อของบล็อก เป็นต้น ซึ่งคุณสามารถปรับแต่งตามความต้องการแล้ว แสดงตัวอย่าง หากเป็นที่พอใจก็บันทึกเช่นเดียวกับ ข้อ 1-4 ที่ได้กล่าวมาแล้ว


-------------------------------------------------------
HomeWork

งานรายบุคคล Individual Work
-เขียน E-Journal
-สำรวจเครือข่ายโลก หาตัวอย่างโครงการและผลงานการประยุกต์ใช้ไอซีทีทางหลักสูตรและการสอน (ภาษาอังกฤษ) แล้วนำเสนอด้วย URLs บน Weblog ส่วนบุคคล คนละ 3 ประเภท คือ การประยุกต์ทางหลักสูตร, การประยุกต์ทางการเรียนการสอน, การประยุกต์ทางการประเมินผล

งานกลุ่ม PRE-STUDY
-อ่านศึกษา ค้นคว้า และอภิปราย Group 2 : TI/ICT Innovation
-นำเสนอเป็นรายบุคคล ที่ Blog ส่วนบุคคล เมนู Home โพสต์ PRE-STUDY
-อภิปรายที่ส่วน Comment บน Blog ของแต่ละคน
-สรุปส่งงานเป็น Word File ทาง Email


10 comments:

tareerutaof said...

สรุปอนุทินได้ละเอียดและเข้าใจง่ายขั้นตอนต่างๆได้ดีมากค่ะ

Jittima said...

Thank ka ^_______^

Wilailuck Tangsirithongchai said...

ชัดเจน เข้าใจง่าย เยี่ยมค่ะ

Jik said...

เข้าใจง่ายและชัดเจนดีมากคะ

Unknown said...

ครบถ้วนทุกรูป ดีมากครับ

Unknown said...

สามารถสรุปได้ละเอียดชัดเจนมากเลยค่ะ^_^

Unknown said...

ขอบคุณคะสรุปได้ละเอียดมีขั้นตอนชัดเจน

Unknown said...

ละเอียด ชัดเจน เข้าใจง่ายมากค่ะ^_^

Wilailuck Tangsirithongchai said...

อ่านแล้วรู้สึกเหมือนได้นั่งเรียนในห้องอีกครั้งค่ะ ครบถ้วนทุกรายละเอียดเลย....สุดยอด

Jittima said...

ดีใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้พี่ๆ น้องๆ เข้าใจบทเรียนมากยิ่งขึ้นค่ะ ^__^